ปฏิบัติการลดความอ้วนของสายฟิต ฉบับ คนจริง 2018

ฉันจะลดความอ้วน…ประโยคที่ผู้หญิงแทบทุกคนต้องเคยพูดสักครั้งในชีวิต แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่สามารถลดน้ำหนักได้สำเร็จตามเป้าหมาย บางคนพยายามลดความอ้วนมาแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ตบะแตกตลอดจนต้องยอมถอดใจ ซึ่งจริงๆ แล้วความอ้วนส่วนน้อยมากๆ ที่จะเกิดมาจากพันธุกรรม แต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากพฤติกรรมการกินที่ตามใจปากมากเกินไป แถมจะเลวร้ายซ้ำเข้าไปอีก ยิ่งถ้าไม่ออกกำลังกายเลย วันนี้เรามีวิธีกู้หุ่นดีของสายฟิต ทำได้จริง ฉบับคนจริง 2018 มาบอกกันครับ

1. กำหนดเป้าหมายของการลดความอ้วน

   กำหนดความต้องการของตัวเองว่าการลดความอ้วนครั้งนี้ต้องการเป้าหมายอย่างไร เช่น อยากผอมลงกี่กิโลกรัม อยากให้ไขมันลดลงเท่าไหร่ หรือลดความอ้วนเพื่อสุขภาพ หรือไม่คุณอาจลองไปศึกษาว่าการลดความอ้วนทำให้ร่างกายดีขึ้นได้อย่างไร ข้อมูลเหล่านั้นจะเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีให้คุณอยากลดความอ้วนให้สำเร็จ และคุณต้องคิดว่าการลดน้ำหนักเป็นการทำเพื่อตัวเอง เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น และรูปลักษณ์ที่ดี เ เพราะฉะนั้นควรตั้งเป้าก่อนว่าจะตั้งใจลดกี่กิโลกรัม เพื่อช่วยเพิ่มความตั้งใจและความมุ่งมั่นในการลดน้ำหนักครับ

2. เปลี่ยนนิสัยการกินอาหารให้ได้ก่อน

   เริ่มจากสำรวจตัวเองว่าชอบกินอะไร แล้วถามตัวเองว่า สิ่งที่เราชอบกิน มันช่วยทำให้เราลดความอ้วนได้หรือไม่ ช่วยให้มีสุขภาพของเราดีขึ้นไหม หรือบางอย่างที่เราไม่ชอบกิน แต่เราก็กินเข้าไปโดยไม่รู้ตัวอยู่บ่อยๆ แล้วยังเป็นอาหารที่เป็นศัตรูกับการลดน้ำหนักอีก แต่การอดอาหารแบบหักดิบ จะทำให้คุณโหยหาอาหารมากกว่าปกติ เพราะฉะนั้นคุณไม่จำเป็นต้องงดอาหารจำพวกแป้ง และไขมัน แต่ปรับเปลี่ยนการกินในปริมาณที่เหมาะสม เลือกกินแป้งและไขมันที่ดี อย่างธัญพืช ข้าวโอ๊ต ควีนัว ถั่วต่างๆ กล้วย โฮลวีท เปลี่ยนจากการกินของผัดของทอดมาเป็นการต้ม นึ่ง ย่างแทน เพื่อลดไขมันที่ไม่จำเป็นออก รวมทั้งหลีกเลี่ยงขนมหรือน้ำหวานที่มีน้ำตาลมากเกินไป ส่วนผลไม้ให้เลือกรับประทานผลไม้ที่ไม่หวานจนเกินไป เช่น กล้วย แอปเปิ้ล มะละกอ ฯลฯ และต้องกินให้ครบทุกมื้อ ถ้าสามารถแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญได้มากขึ้น โดยเฉพาะถ้ามีผักใบเขียวในมื้ออาหารทุกมื้อด้วยจะดีมาก

3. ออกกำลังกายให้เป็นนิสัย

   การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่คนลดความอ้วนควรทำควบคู่กับการควบคุมอาหาร ควรทำให้การออกกำลังกายเป็นกิจวัตร เพื่อเป็นการเผาผลาญไขมันที่ได้รับจากการกิน ไม่ให้กลายเป็นไขมันสะสมในร่างกาย ควรหาเวลาออกกำลังกายให้ได้ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ และใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที เท่านี้ก็ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้ดีเลยทีเดียว หรือการออกกำลังกายแบบ High-intensity interval training (HIIT) เป็นการออกกำลังกายที่เหมาะคนที่ต้องการลดน้ำหนักมากๆ ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่มีการออกแบบผ่อนหนัก ผ่อนเบา ใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาทีต่อวัน การออกกำลังกายแบบ HIT จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้นในระหว่างวัน ทำให้ระบบการเผาผลาญอาหารดีขึ้นอีกด้วยครับ

4. ลดความเครียด ช่วยลดอ้วน

   เมื่อเกิดความเครียด สมองของเราจะส่งสัญญาณไปยังต่อมแอดรินาลีน ซึ่งอยู่เหนือบริเวณไตให้หลั่งฮอร์โมนความเครียดชนิดหนึ่งออกมา นั่นคือ ‘คอร์ติโซล’ ที่จะส่งสัญญาณบอกเซลล์ไขมันในช่องท้องให้สร้างไขมันสะสมเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นที่เก็บพลังงาน ดังนั้นความเครียดจึงมีผลทำให้เราอ้วนได้โดยไม่จำเป็นเลย เรียกได้ว่ายิ่งเครียดยิ่งหิว ก็ทำให้ยิ่งกิน ลองหากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ดูหนังฟังเพลง จะทำให้เราไม่จดจ่อกับการลดความอ้วนมากเกินไปด้วยครับ

5. นอนดึก ตัวร้ายทำลายรูปร่าง

   ปัจจุบันมีการวิจัยที่พบว่า การนอนหลับพักผ่อนของเรานั้นส่งผลกับฮอร์โมนที่ควบคุมความรู้สึกอยากอาหาร 2 ตัว ตัวหนึ่งคือ เกรลิน (Ghrelin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนกระตุ้นความหิว และอีกตัวคือ เล็ฟติน (Leptin) ฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกอิ่ม และเพิ่มอัตราการเผาผลาญ เคยมีการทดลองพบว่า คนที่นอนประมาณ 5 ชั่วโมงต่อวันจะมีระดับฮอร์โมนเกรลิน สูงกว่าคนที่นอน 8 ชั่วโมงต่อวันมากถึง 15% และมีเล็ปตินต่ำกว่าประมาณ 15 % ส่งผลให้คนที่นอนน้อยมักจะหิวบ่อย กินเยอะ และก็อ้วนได้ง่ายกว่านั่นเอง แถมยังมีโอกาสเป็นโรคอ้วนมากกว่าถึงร้อยละ 73 และเสี่ยงเป็นเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคไตและโรคอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นถ้าเราพักผ่อนอย่างเพียงพอก็จะลดอัตราการเกิดโรคต่างๆ สุขภาพดี และเป็นมิตรกับการลดความอ้วนอีกด้วย

สาเหตุที่ทำให้เราลดความอ้วนไม่สำเร็จไม่ได้มีเยอะอย่างที่คิดเลยใช่ไหมครับ เพียงแค่เรารู้เป้าหมายของตัวเอง และสร้างแรงบันดาลใจที่ชัดเจน มีความเข้าใจเรื่องการลดความอ้วน และอย่าใจร้อน เท่านี้ก็จะทำให้เราสามารถเอาชนะร่างกายและจิตใจของตัวเอง เปลี่ยนเป็นคนที่มีรูปร่างดีและสุขภาพแข็งแรง ที่สำคัญควรดูแลรักษาสุขภาพอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ แต่ก็อย่าลืมว่าการออกกำลังกายลดน้ำหนักนั้นถ้าหักโหมมากไปก็อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บหรืออันตรายได้ ประกันอุบัติเหตุ ฟิต แอนด์ ฟิน 365 จากแมนูไลฟ์ เบี้ยประกันวันละ 1 บาท เพียง 365 บาทต่อปี ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์ของคนลดความอ้วนสายฟิต ให้ความอุ่นใจทุกครั้งเมื่อออกกำลัง จะเกิดอุบัติเหตุก็ไม่ต้องกังวล คุ้มครองชีวิตสูง 300,365 บาท พร้อมคุ้มครองกระดูกสูงสุด 7,365 บาท ซื้อผ่านออนไลน์ง่าย คุ้มครองทันที